ไวรัสตับอักเสบเอ (Hepatitis A Virus)

 20 Feb 2024  เปิดอ่าน 10079 ครั้ง

ไวรัสตับอักเสบ (Hepatitis virus) ประกอบด้วยกัน 5 ชนิด ได้แก่ ไวรัสตับอักเสบเอ บี ซี ดี และอี ซึ่งการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบางชนิดทำให้เกิดตับอักเสบเฉียบพลัน (Acute hepatitis) และหากการอักเสบเป็นนานมากกว่า 6 เดือน จะให้กำเกิดตับอักเสบเรื้อรัง (Chronic hepatitis) ที่อาจนำไปสู่ภาวะตับแข็งและมะเร็งตับในอนาคตได้

ไวรัสตับอักเสบเอและอี ก่อให้เกิดภาวะตับอักเสบเฉียบพลัน แต่มักไม่ก่อให้เกิดตับอักเสบเรื้อรัง ในขณะที่ไวรัสตับอักเสบบีและซี สามารถก่อให้เกิดภาวะตับอักเสบเฉียบพลันและเรื้อรังได้ อีกทั้งเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดตับแข็งและมะเร็งตับ ส่วนไวรัสตับอักเสบดี เป็นไวรัสที่ไม่สมบูรณ์ จำเป็นต้องอาศัยโปรตีนของไวรัสตับอักเสบบีในการเข้าสู่เซลล์ตับและการเพิ่มจำนวนของไวรัส ดังนั้นการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบดีจึงเกิดเฉพาะกลุ่มผู้ที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีเท่านั้น

ในที่นี้ผู้ประพันธ์กล่าวถึงเฉพาะไวรัสตับอักเสบเอ


การติดต่อ

ไวรัสตับอักเสบเอติดต่อผ่านทางการรับประทานอาหารและน้ำดื่มไม่สะอาด มีการปนเปื้อนของเชื้อไวรัส การสัมผัสอุจจาระที่ปนเปื้อนเชื้อแล้วเผลอนำเข้าปาก (Fecal oral route) ซึ่งการระบาดของไวรัสตับอักเสบเอพบได้ทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศกำลังพัฒนา เนื่องจากมาตรฐานความสะอาดและเศรษฐานะของประชากร


อาการแสดง

เมื่อติดเชื้อไวรัสตับอักเสบเอ จะมีระยะฟักตัวอยู่ที่ 2-4 สัปดาห์ อาจนานได้ถึง 6 สัปดาห์ อาการแสดงขึ้นกับอายุของผู้ป่วย พบได้ตั้งแต่ไม่มีอาการ ไปจนถึงมีภาวะตับวายได้ โดยอาการที่พบได้บ่อยได้แก่ ไข้ (87%) ปวดเมื่อย (74%) เหลือง (62%) อาการอื่นๆ เช่น อ่อนเพลีย คลื่นไส้อาเจียน เบื่ออาหาร ปวดท้อง ถ่ายเหลว และในผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการแสดงนอกตับได้ เช่น ผื่นผิวหนัง ปวดข้อ หลอดเลือดอักเสบ ไตอักเสบ กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ

อาการแสดงทางตับของไวรัสตับอักเสบเอพบได้ 5 รูปแบบ ดังนี้

  1. ไม่มีอาการผิดปกติใดๆ (Asymptomatic) กล่าวคือเมื่อมีการติดเชื้อ ร่างกายสามารถกำจัดเชื้อและหายเองได้ มักพบในผู้ป่วยเด็กที่อายุน้อยกว่า 2 ปี
  2. มีภาวะตับอักเสบและเหลือง (Symptomatic with jaundice) แต่ร่างกายมักกำจัดเชื้อและหายเองได้ภายในระยะเวลา 8 สัปดาห์ มักพบในผู้ป่วยอายุ 5 ปีขึ้นไป
  3. มีภาวะตับอักเสบและมีการคั่งของน้ำดี (Cholestatic jaundice) ทำให้เหลืองได้นานกว่า 10 สัปดาห์ ผู้ป่วยอาจำมีอาการคันตามตัว ปัสสาวะสีเข้ม น้ำหนักลดร่วมด้วยได้
  4. มีอาการกลับเป็นซ้ำหลังจากที่หายจากอาการตับอักเสบครั้งแรกแล้ว (Relapsing acute hepatitis) อาการมักเกิดหลังจากการติดเชื้อครั้งแรก 6-10 สัปดาห์ บางรายอาจมีอาการกลับเป็นซ้ำมากกว่า 1 ครั้ง แต่อาการมักหายสนิทภายใน 24 สัปดาห์
  5. ตับวายเฉียบพลัน (Acute liver failure) พบได้น้อยมาก แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วมีอัตราการเสียชีวิตสูง โดยปัจจัยที่มีผลต่อการเกิดตับวายเฉียบพลันจากไวรัสตับอักเสบเอ ได้แก่ อายุมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ที่อายุมากกว่า 75 ปี ผู้ที่มีโรคตับอักเสบเรื้อรังหรือตับแข็งจากสาเหตุอื่นอยู่เดิม


การวินิจฉัย

ทำได้โดยการตรวจทาง Serology เพื่อหาแอนตี้บอดี้ต่อเชื้อไวรัสตับอักเสบเอในเลือด (Anti-HAV IgM) ซึ่งให้ผลตรวจเป็นบวกตั้งแต่เมื่อมีอาการแสดง ไปจนถึง 4 เดือนภายหลังการติดเชื้อ เมื่อมีการติดเชื้อแล้วจะตรวจพบ Anti-HAV IgG ตลอดไป

ส่วนการตรวจหาไวรัส (HAV RNA) ด้วยวิธีการ Polymerase chain reaction (PCR) ใช้ในห้องปฏิบัติการเท่านั้น ไม่เป็นที่นิยมใช้ในทางคลินิก


การรักษา

การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบเอส่วนมากมักไม่รุนแรงและสามารถหายเองได้ การรักษาจึงเป็นการรักษาประคับประคองตามอาการ เช่น รับประทานอาหารอ่อน สุกสะอาด หลีกเลี่ยงอาหารมันที่ก่อให้เกิดอาการคลื่นไส้ ให้ยาแก้อาเจียนหากมีอาการคลื่นไส้อาเจียนมาก สำหรับผู้ที่มีอาการรุนแรงควรเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล เพื่อเฝ้าระวังการเกิดภาวะตับวายเฉียบพลัน

การป้องกัน

  1. ล้างมือบ่อยๆ เมื่อสัมผัสสิ่งแวดล้อมที่อาจมีการปนเปื้อนของเชื้อ เช่น ดิน อุจจาระ น้ำที่ไม่สะอาด
  2. รับประทานอาหารปรุงสุก สะอาด เนื่องจากเชื้อไวรัสตับอักเสบเอทนต่อความเย็น ความร้อนระดับปานกลาง ความแห้ง และสภาวะที่เป็นกรด
  3. การฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันไวรัสตับอักเสบเอ


วัคซีนไวรัสตับอักเสบเอ

เป็นวัคซีนชนิดเชื้อตาย โดยฉีดเข้ากล้ามเนื้อ 2 ครั้ง ห่างกันอย่างน้อย 6 เดือน โดยวัคซีนมีประสิทธิภาพในการสร้างแอนตี้บอดี้ 100% ที่ 4 สัปดาห์หลังได้วัคซีนเข็มที่ 2 กลุ่มที่แนะนำให้ฉีดวัคซีน ได้แก่

  1. มีความเสี่ยงจะเกิดโรครุนแรงจากการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบเอ เช่น ผู้ป่วยโรคตับเรื้อรัง ผู้ติดเชื้อเอชไอวี ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง และผู้ที่อายุมากกว่า 40 ปี
  2. ความเสี่ยงในการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบเอสูงกว่าประชากรทั่วไป เช่น ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย ใช้ยาเสพติด ทำงานเกี่ยวกับไวรัสตับอักเสบเอ และใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบเอ


Reference

  • Mark Feldman, Lawrence S. Friedman, Marvin H. Sleisenger. (2020). Sleisenger & Fordtran's gastrointestinal and liver disease : pathophysiology, diagnosis, management. Philadelphia :Saunders,
  • มณฑิรา มณีรัตนะพร, สุพจน์ นิ่มอนงค์, อวยพร เค้าสมบัติวัฒนา. Practical Gastroenterology and Hepatology. กรุงเทพฯ: พริ้นเอเบิ้ล; 2563.
  • สมาคมโรคติดเชื้อแห่งประเทศไทย. คำแนะนำการให้วัคซีนป้องกันโรค สำหรับผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ พ.ศ. 2566

ผลการรักษา

ติดต่อเรา

คลินิกคุณหมอบั้ช

หาดใหญ่ สงขลา

เบอร์โทร

098 273 5965

ที่อยู่

688 ถ.สาครมงคล2 หาดใหญ่ สงขลา

เวลาทำการ

จันทร์ 17:00 - 20:00 น.
วันพุธ - ศุกร์ 17:00 - 20:00 น.
วันเสาร์ 13:00 - 18:00 น.
หยุดทุกวันอังคารและอาทิตย์

โรคทั่วไป ความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง ไข้ ไข้หวัด ไข้เรื้อรัง ไข้ไม่ทราบสาเหตุ เบื่ออาหารน้ำหนักลด ภูมิแพ้ ระบบทางเดินหายใจ ปอดติดเชื้อ หลอดลมตีบ หลอดลมอักเสบ ปวดหัว ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ปวดกระดูก ปวดหลัง ปวดข้อ เครียด กังวล นอนไม่หลับ ปวดท้อง คลื่นไส้อาเจียน กรดไหลย้อน กระเพาะ ท้องผูก ท้องเสีย ลำไส้แปรปรวน ริดสีดวงทวารหนัก ดีซ่าน ตับ ตับอ่อน ตับแข็ง ไวรัสตับอักเสบ ไขมันเกาะตับ นิ่วในท่อน้ำเดิน มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งตับ มะเร็งตับอ่อน ส่องกล้องกระเพาะ ส่องกล้องลำไส้ใหญ่ ตรวจมะเร็ง ตรวจสุขภาพและให้คำปรึกษาเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพ